ข่าว

ครม. เห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณปี 2567 แผนใช้จ่ายภาครัฐ 3.48 ล้านล้านบาท

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ปีงบประมาณ 2567 โดยมีแผนการใช้จ่ายภาครัฐ 3.48 ล้านล้านบาท  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศนายเศรษฐากล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณและเอกสารประกอบได้รับการตรวจสอบจากสำนักงานกฤษฎีกาแล้วส่งกลับให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโดยนายเศรษฐากล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ซึ่งพิจารณาครั้งแรกซึ่งมีกำหนดในวันที่ 3 และ 4 มกราคมที่จะถึงนี้โดยปกติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณจะประกาศใช้ก่อนเริ่มปีงบประมาณในเดือนตุลาคม แต่ในปีนี้ การจัดตั้งรัฐบาลผสมครั้งแรกต้องล่าช้าออกไปหลายเดือนภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมอ่านต่อ ...

ผู้สื่อข่าว เดอะ เนชั่น

ไทยตั้งเป้าบรรลุการเจรจา FTA กับ EU ในปี’68

ประเทศไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจารอบที่สองเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรี (free trade agreement; FTA) กับสหภาพยุโรป (European Union; EU) ในปลายเดือนมกราคมนางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การอภิปรายรอบกรุงเทพฯ จะครอบคลุมถึงการเปิดเสรีการค้า การลงทุน และการบริการ ทั้งสองฝ่ายวางแผนที่จะจัดการประชุมปีละสามครั้ง โดยมีเป้าหมายที่จะสรุปการเจรจาภายในปี พ.ศ.2568ประเทศไทยและสหภาพยุโรปจัดการเจรจา FTA รอบแรกในเดือนกันยายนปีนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ รอบนี้ประกอบด้วยการประชุมระดับหัวหน้าคณะผู้แทนและการประชุมคณะอนุกรรมการระดับผู้เชี่ยวชาญ 19 ครั้งอ่านต่อ ...

ไฟฟ้าพลังน้ำ ทำให้ชาวลุ่มแม่น้ำโขงหลายล้านคนเผชิญกับภัยพิบัติด้านสภาพภูมิอากาศ

แม้ว่าจะถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด แต่จริงๆ แล้วไฟฟ้าพลังน้ำ (hydropower) กลับเพิ่มความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวโดยผู้เชี่ยวชาญที่เคยศึกษาโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงโครงการเหล่านี้ทำให้ชุมชนลุ่มแม่น้ำโขงมีโดยผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า ความเสี่ยงต่อภัยคุกคามจากสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขื่อนได้ขัดขวางการไหลของแม่น้ำ สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศที่ซับซ้อนและความหลากหลายทางชีวภาพอันอุดมสมบูรณ์ ที่ซึ่งผู้คนหลายล้านคนที่อาศัยอยู่ในลุ่มน้ำโขงต้องพึ่งพาในการดำรงชีวิตผู้เชี่ยวชาญและผู้อยู่อาศัยกล่าวว่า สิ่งนี้ส่งผลเสียต่อความสามารถในการบรรเทาและปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง อ่านต่อ ...

การส่งออกไทย เดือน พ.ย.พุ่ง 4.9% คาดทะลุระดับก่อนโควิด ภายในปี’67

เมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการเติบโตเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยนั้นชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวกต่อการกลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาด โดยคาดการณ์การเติบโตที่ 1.99% ภายในปี 2567ในเดือนพฤศจิกายน การส่งออกของไทยมีมูลค่า 23.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (847.49 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้น 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ไม่รวมน้ำมัน ทองคำ และอาวุธในขณะเดียวกัน การนำเข้าในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 25.88 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 10.1% และส่งผลให้ขาดดุลการค้า 2.4 พันล้านดอลลาร์อ่านต่อ ...

ผู้สื่อข่าว เดอะ เนชั่น

ไทยต้องทำมากกว่าปกป้อง ต้องลงทุนในเด็ก

Dr. Najat Maalla M’jid ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติว่าด้วยความรุนแรงต่อเด็ก กล่าวว่า รัฐบาลควรมองว่าการคุ้มครองสิทธิเด็กเป็นการลงทุนและรับฟังเสียงของเด็ก ในการให้สัมภาษณ์กับบางกอกโพสต์ Dr. Najat กล่าวว่า แม้รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะจัดการกับความรุนแรงต่อเด็กผ่านยุทธศาสตร์ระดับชาติ แผนปฏิบัติการ และกฎหมาย มีเพียงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เท่านั้นที่รับผิดชอบในการปกป้องเด็กและสิทธิของเด็ก“หน่วยงานของรัฐทุกแห่งจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการปกป้องสิทธิเด็ก กระทรวงต่างๆ เช่น สาธารณสุข การศึกษา การเงิน และมหาดไทย ควรมีส่วนร่วมเพราะแต่ละหน่วยงานมีงานนี้ มันไม่ใช่งานเฉพาะสำหรับกระทรวงเดียว และ ไม่ได้มีไว้สำหรับภาคส่วนเดียวเท่านั้น” Dr. Najat กล่าวอ่านต่อ ...

ผู้สื่อข่าวบางกอกโพสต์

รัฐบาล 'แก้' หนี้นอกระบบ 233 ราย

รัฐบาลกล่าวว่าว่าได้แก้ไขหนี้นอกระบบของลูกหนี้ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 233 ราย ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทาง ไปศึกษารูปแบบการแก้ปัญหาหนี้ที่จังหวัดน่านเมื่อวันเสาร์นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย มีลูกหนี้ 106,863 รายได้ลงทะเบียนกับรัฐบาลแล้ว เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบข้อมูลล่าสุด ระบุว่า มูลค่าหนี้นอกระบบรวมกันกว่า 6.69 พันล้านบาท มีผู้ให้กู้นอกระบบ 77,525 ราย โดยมีลูกหนี้จดทะเบียนสูงสุดในกรุงเทพฯ จำนวน 6,734 ราย มูลค่าหนี้รวม 566 ล้านบาท และผู้ให้กู้ 5,749 รายอ่านต่อ ...

ผู้สื่อข่าวบางกอกโพสต์

คณะกรรมการฯ คงการปรับค่าจ้าง 2.37%

คณะกรรมการไตรภาคีที่กำลังศึกษาค่าแรงขั้นต่ำยึดมติเดิมให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรายจังหวัดในช่วง 330-370 บาท ปรับขึ้นวันละ 2-16 บาท หรือเฉลี่ย 2.37% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นต้นไปคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยตัวแทนนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ ได้ประชุมกันเมื่อวันพุธ เพื่อพิจารณาทบทวนรายละเอียดการปรับค่าจ้างขั้นต่ำทั้ง 77 จังหวัด ตามคำกล่าวของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  กล่าวว่าอัตราที่เสนอนั้น “ต่ำเกินไป”หลังจากคณะกรรมการมีมติเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ภาคธุรกิจพิจารณาจ่ายเงินค่าแรงให้มากกว่าอัตราที่เสนอ โดยชี้ว่าธุรกิจต่าง ๆ ยังได้ประโยชน์จากมาตรการของรัฐบาล เช่น การปรับลดราคาค่าไฟฟ้าอ่านต่อ ...

ผู้สื่อข่าว เดอะ เนชั่น

ประเทศไทยริเริ่มจัดตั้งห้องเรียนดิจิทัล 1,500 แห่งทั่วประเทศ

ประเทศไทยได้เริ่มดำเนินการตามเป้าหมายอันทะเยอทะยานในการจัดตั้งห้องเรียนดิจิทัล 1,500 ห้องสำหรับโรงเรียนทุกขนาดทั่วประเทศ เพื่อรองรับผู้มีความสามารถอย่างน้อย 100,000 คนต่อปีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ห้องเรียนเหล่านี้จะติดตั้งเครื่องมือที่จำเป็น เช่น คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อสอนทักษะการเขียนโค้ดให้กับนักเรียนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงการในหัวข้อ “การเขียนโค้ดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น: การสร้างรากฐานเพื่ออนาคตของประเทศไทย” และกล่าวว่าบทบาทของความคิดริเริ่มในการปลูกฝังความสามารถด้านดิจิทัลของประเทศจะทำหน้าที่เป็นปัจจัยสำคัญอันนำไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยอ่านต่อ ...

หมอกควัน PM2.5 กระทบเศรษฐกิจไทย ธนาคารโลกกล่าว

ตามข้อมูลของธนาคารโลก ระบุว่า มลพิษทางอากาศ PM2.5 ทำให้ประเทศไทยสูญเสีย GDP ต่อปีถึง 6% รายงาน “ตามติดเศรษฐกิจประเทศไทย” (ธันวาคม 2566) ระบุว่า ความสูญเสียทางเศรษฐกิจมาจากค่ารักษาพยาบาลจำนวนมากสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5 แม้ว่าประเทศไทยจะตั้งเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ทะเยอทะยาน นั่นคือความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ.2593 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2508 แต่ความก้าวหน้ายังตามหลังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น กัมพูชาและเวียดนามธนาคารโลกแนะนำให้ประเทศไทยกำหนดต้นทุนที่สูงขึ้นในการปล่อยก๊าซคาร์บอน เพื่อไม่ให้บริษัทและครัวเรือนใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอ่านต่อ ...

ผู้สื่อข่าว เดอะ เนชั่น

สภาพัฒน์เผย 6 จังหวัดในประเทศไทยประสบปัญหาความยากจนอย่างต่อเนื่อง

รายงานล่าสุดจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่าความพยายามในการแก้ไขปัญหาความยากจนและความไม่เท่าเทียมในประเทศไทยยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าความไม่เท่าเทียมกันโดยรวมจะลดลง แต่บางจังหวัดยังคงต่อสู้กับปัญหาความยากจนที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องสศช. ร่วมกับธนาคารโลก จัดการประชุมหัวข้อ “Bridging the Gap: Thailand’s Path to Inclusive Prosperity”ในการประชุมเปิดเผยว่า การประเมินสถานการณ์โดยรวมของประเทศไทยในปี พ.ศ.2565 บ่งชี้ว่า สถานการณ์ความยากจนของประเทศดีขึ้น โดยอัตราความยากจนลดลงจาก 6.32% ในปี พ.ศ.2564 เหลือ 5.43%อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ในภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ตามลำดับ แม้ว่าความยากจนโดยทั่วไปจะลดลงทั่วประเทศเมื่อเทียบกับปี พ.ศ.2564 แต่กรุงเทพฯ และภาคเหนือกลับเผชิญกับการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอ่านต่อ ...

ผู้สื่อข่าว เดอะ เนชั่น

Contact us

Contact us

Do you have questions on the content published by Open Development Thailand? We will gladly help you.

Have you found a technical problem or issue on the Open Development Thailand website?

Tell us how we're doing.

Do you have resources that could help expand the Open Development Thailand website? We will review any map data, laws, articles, and documents that we do not yet have and see if we can implement them into our site. Please make sure the resources are in the public domain or fall under a Creative Commons license.

File was deleted
ERROR!

Disclaimer: Open Development Thailand will thoroughly review all submitted resources for integrity and relevancy before the resources are hosted. All hosted resources will be in the public domain, or licensed under Creative Commons. We thank you for your support.

rWVeJ
* The idea box couldn't be blank! Something's gone wrong, Please Resubmit the form! Please add the code correctly​ first.

Thank you for taking the time to get in contact!