ข่าว

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกันในเดือนมีนาคม แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยได้แรงหนุนที่สำคัญจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 เมษายน พบว่า ดัชนีผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 53.8 ในเดือนมีนาคม จาก 52.6 ในเดือนกุมภาพันธ์อ่านต่อ ...

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รายงานว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น พร้อมมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคมลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปีดูต่อ ...

ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนกรกฎาคม จากจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เมื่อวันพฤหัสบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเหลือ 40.9 ในเดือนกรกฎาคม จาก 43.1 ในเดือนมิถุนายน 44.7 ในเดือนพฤษภาคม 46 ในเดือนเมษายน 48.5 ในเดือนมีนาคม 49.4 ในเดือนกุมภาพันธ์และ 47.8 ในเดือนมกราคมรองศาสตราจารย์ ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคม ลดลงสู่ระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2541 เนื่องจากประชาชนกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อโควิด-19 ระลอกที่ 4 ในประเทศและเชื้อไวรัสสายพันธ์ุเดลต้ารูปแบบใหม่ที่ติดต่อได้ง่าย “ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มากเกี่ยวกับแผนการจ่ายวัคซีนของรัฐบาล ในขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองและการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลกำลังคืบคลานเข้ามา และราคาน้ำมันก็พุ่งสูงขึ้น”อ่านต่อ ...

ผลสำรวจเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ในเดือนมิถุนายนระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับผลกระทบจากการระบาดของโคโรนาไวรัสครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นผลจากการเปิดตัววัคซีนที่ช้า และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ซบเซา ดัชนีผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ลดลงเหลือ 43.1 ในเดือนมิถุนายน จาก 44.7 ในเดือนพฤษภาคมอ่านต่อ ...

กระทรวงพาณิชย์เผยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคมแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาระลอกล่าสุด และถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจเสียหายถึง 8 แสนล้านบาท (25.7 พันล้านดอลลาร์) ดัชนีผู้บริโภค เดือนพฤษภาคมของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยลดลงเหลือ 44.7 จาก 46.0 ในเดือนเมษายน หลังเกิดการระบาด อ่านต่อ ...

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของประเทศไทยลดลงสู่ 46 จุดในเดือนเมษายนจาก 48.5 จุดในเดือนมีนาคม ม.หอการค้าไทย ซึ่งรวบรวมรายงานประจำเดือน เปิดเผยว่า ดัชนีดังกล่าวต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2541 เนื่องจากผลกระทบของการระบาดของโรคโควิด-19 ล่าสุดนายธนวรรธน์ พลวิชัย  ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า “ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปราะบางหลังจากการระบาดระลอกที่ 3 ซึ่งทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งแตะ 4 หลักต่อเนื่องกัน อีกทั้งยอดผู้เสียชีวิตในแต่ละวันยังพุ่งแตะสองหลัก”อ่านต่อ ...

นักเศรษฐศาสตร์เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยในเดือนมีนาคมล่วงลงสู่ระดับ 48.5 จุดจาก 49.4 จุดในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากความกลัวว่าโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ และความไม่แน่นอนทางการเมืองมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งเป็นผู้วัดดัชนีดังกล่าวเปิดเผยว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจอาจลดลงร้อยละ 2 หากการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวว่าดัชนีปรับตัวลดลงหลังจากความเชื่อมั่นกลับไปในแดนบวกในช่วง 3 เดือนแรกของปีเมื่อเดือนที่ผ่านมาอ่านต่อ ...

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยรายงานว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมกราคมลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ซึ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนมกราคมจากระดับ 50.1 ในเดือนธันวาคมรายงานระบุว่าเป็นเพราะความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาระลอกใหม่อ่านต่อ ...

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนธันวาคมจนถึงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2559 เนื่องจากประชาชนกังวลกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง และความไม่แน่นอนของโลกเมื่อวันศุกร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอยู่ที่ระดับ 68.3 ในเดือนธันวาคมจากระดับ 69.1 ในเดือนพฤศจิกายน และระดับ 70.7 ในเดือนตุลาคมอ่านต่อ ...

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ได้ปรับลดลงเป็นร้อยละ 3.7-4.2 จากประมาณการก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 4-4.5 การปรับลดลงดังกล่าวเป็นไปตามการคาดการณ์แรงสุญญากาศที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ในเดือนนี้ อีกทั้งผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน และการขาดความชัดเจนในการออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักรอ่านต่อ ...