ข่าว

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สภาพัฒน์ฯได้ปรับลดภาพเศรษฐกิจตลอดทั้งปีลงเป็นติดลบร้อยละ 7.3 ถึง 7.8 จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ติดลบร้อยละ 5 ถึง 6 หลังจากรายงานว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 เศรษฐกิจหดตัวมากที่สุดในรอบ 22 ปีสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) กล่าวว่า การปรับลดครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง และการค้าสินค้าลดลง ผลกระทบของการระบาด และภัยแล้งอ่านต่อ ...

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยอาจหดตัวร้อยละ 12 -13 ในไตรมาสที่สองจากปีก่อนหน้า เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ นับเป็นการหดตัวที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจได้ปรับตัวดีขึ้นในเดือนมิถุนายนจากเดือนก่อนหน้า หลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ที่ควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งทำให้การท่องเที่ยวและกิจกรรมในประเทศต้องหยุดชะงักอ่านต่อ ...

เศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มหดตัวร้อยละ 8.5 ในปี 2563 ซึ่งแย่กว่าที่เคยประเมินไว้และนับเป็นประเทศที่แย่ที่สุดในเอเชียการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของกระทรวงการคลังระบุว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยยะ 2.4 และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวร้อยละ 8.1อ่านต่อ ...

เศรษฐกิจของประเทศหดตัวในไตรมาสแรกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง และการค้าต้องหยุดชะงักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหดตัวร้อยละ 1.8 จากปีที่แล้ว นั่นคือการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2557 ตามข้อมูลที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ โดยประมาณการค่ามัธยฐานตามสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์ Bloomberg พบว่า GDP จะหดตัวร้อยละ 3.9 ในไตรมาสก่อนอ่านต่อ ...

ตัวเลขจีดีพีของไทยในไตรมาสแรก และไตรมาสสองของปี พ.ศ.2563 ได้ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ภัยแล้ง และผลกระทบไวรัสโคโรนาแต่คาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นในไตรมาสที่สามเป็นต้นไป โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท เพื่ออัดฉีดเงินเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบ และเกษตรกร การใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของรัฐ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพรก.เงินกู้ 1.9 ล้านล้าน เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ ไวรัสโคโรนาในทุกมิติอ่านต่อ ...

เมื่อวันพฤหัสบดี คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยอาจหดตัวร้อยละ 3 ถึง 5 ในปีนี้ ซึ่งลดลงอย่างมากจากการเติบโตร้อยละ 1.5 ถึง 2.0 ที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมีนาคม เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้ต้องการทั่วโลกและกิจกรรมภายในประเทศต้องหยุดชะงักโดยทางกกร.ยังคาดการณ์การส่งออกในปี พ.ศ.2563 ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของประเทศลดลงร้อยละ 5 -10 อ่านต่อ ...

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี พ.ศ.2563 ให้หดตัวร้อยละ 6.7 ซึ่งถือเป็นประเทศแย่ที่สุดในกลุ่มอาเซียน หากการคาดการณ์ของ IMF เป็นจริง โดยสาเหตุมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบของไวรัสโคโรนาแม้ว่าตามรายงาน “World Economic Outlook: The Great Lockdown” ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยเป็นร้อยละ 6.1 ในปีหน้าอ่านต่อ ...

เมื่อวันจันทร์ (17 กุมภาพันธ์) สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวร้อยละ 2.4 ในปี พ.ศ.2562 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 2.6 โดยทางสภาพัฒน์ฯ เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)ในไตรมาสที่สี่ของปี พ.ศ.2562 ขยายตัวร้อยละ 1.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีอ่านต่อ ...

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (K-Research) รายงานว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถลดจีดีพีของประเทศไทยลงได้ 0.09-0.13% หากการระบาดยาวนานกว่า 3 เดือน แต่น้อยกว่า 6 เดือนโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยในหมายเหตุว่า “ผลกระทบของประเทศไทยอยู่ในระดับปานกลาง” แต่ความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจมีมูลค่ารวม 500-700 ล้านดอลลาร์สหรัฐอ่านต่อ ...

คณะกรรมาธิการร่วมด้านการพาณิชย์ อุตสาหกรรมและการธนาคารได้ปรับลดการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีนี้ให้อยู่ระหว่าง 2% ถึง 2.5% จากตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.5 ถึง 3%การปรับลดนี้เป็นไปตามความไม่แน่นอน และความเสี่ยงในระดับท้องถิ่นและระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อ่านต่อ ...